Wednesday, August 24, 2011

จุดเสริมและจุดเสี่ยง


Pic_196373



2 ชั่วโมงเต็มๆ กับคิวประเดิมฟลอร์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นพูดในคิวแถลง
นโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ร่ายยาวกันชนิดที่ต้องจิบน้ำแก้คอแห้งไปหลายอึก และก็ไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน กับคิวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่ผู้นำ ฝ่ายค้าน ใช้เวลาลุกขึ้นอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์

เทียบฟอร์ม “มือใหม่หัดขับ” ท่องตามสคริปต์ กับพวกเซียนโพเดียม “ดีแต่พูด”

ตาม เดิมพันติดปลายนวม อย่างดีก็ได้แค่บลัฟกัน เพราะไฟต์นี้เป็นแค่รายการ “รูทีน” จัดให้ครบตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ตามขั้นตอนก่อนที่รัฐบาลของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะเริ่มประเดิมบริหารประเทศได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ หมดยกก็แค่นั้น ไม่มีการนับคะแนนตัดสิน

ที่สำคัญโหมโรงกันไปหมดแล้ว มันจึงเป็นอะไรที่ส่อเค้า “ได้น้ำมากกว่าเนื้อ”

โดย รูปการณ์กระแสความสนใจจึงถูกแบ่งไปที่ความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯของไทย ที่ล่าสุดได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังนายชินโซ อะเบะ อดีตนายกฯญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมที่ห้องพัก ในกรุงโตเกียว โดยระบุว่า การเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลไทย เพราะการตัดสินใจให้วีซ่ามาจากรัฐบาลญี่ปุ่น

แต่ช็อตน่าสนใจจริงๆ อยู่ที่ “พิมพ์เขียว” อดีตนายกฯทักษิณได้เปิดแนวทาง “นำร่อง” ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่ใช่เป็นการกระตุ้นการบริโภค แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในผ่านโครงการขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจกต์ โดยไม่ละเลยการส่งออก

นี่คือสัญญาณที่นักลงทุนต่างชาติจะใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ

ใน มุมนี้ ความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯทักษิณที่เชื่อกันว่าจะเดินสายไปพบผู้นำ ระดับสูงอีกหลายประเทศ อาจช่วยเสริมศักยภาพของรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในสายตาของต่างชาติที่ให้เครดิตความเชื่อมั่นในชั้นเชิงเศรษฐกิจของอดีตผู้ นำพลัดถิ่นของไทย

ตรงกันข้าม มุมที่เป็น “จุดอ่อน” ให้ฝ่ายจ้องล้มกระดานในเมืองไทยหยิบมาเป็นเงื่อนไข กับภาพของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกควบคุมจาก พ.ต.ท.ทักษิณที่เป็นผู้นำพรรคอย่างแท้จริง ที่สร้างความหวาดระแวงให้กับฝ่ายต่อต้าน

ตามอาการก็อย่างที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ชิงปฏิเสธ เลยว่า “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดโผทหารประจำปีแต่อย่างใด เช่นเดียวกับกระแสข่าวการเด้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตน-สุวรรณ เสธ.ทบ. และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ก็เป็นเพียงข่าวลือ เพราะบัญชีรายชื่อยังไม่ได้ถูกส่งมาถึงมือตนเอง

เล่นจังหวะ “ตีกรรเชียง” ไว้ก่อน

แต่ อ่านกันตามเกม ในส่วนของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ก็ต้องยื่นเงื่อนไขให้สูงไว้ก่อน ตามโพยที่ถูกโยนออกมา ตั้งท่าขยับเพื่อน ตท.12 อย่าง พล.อ.ดาว์พงษ์ โยกมานั่งเก้าอี้รอง ผบ.ทบ. ดึง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. จ่อยึดโควตา 5 เสือ ทบ. ขณะเดียวกันก็ดันขุนศึกบูรพาพยัคฆ์เข้าคุมกำลังหลัก

กระชับพื้นที่อำนาจกันแบบเต็มไม้เต็มมือ

ตรง กันข้าม ว่ากันตามเหลี่ยมยุทธ์ของนายใหญ่ ยังไงก็ต้องดึงเกม ไม่ให้ยักษ์ถือกระบองมีอิทธิฤทธิ์มากเกินจนยากแก่การ “ต่อกร” ไม่กล้าเสี่ยงลองของเกมปฏิวัติ ปล่อยให้รวบหัวรวบหางกันได้ง่ายๆ

อันดับ แรกเลย เป้าหมายน่าจะอยู่ที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ ในฐานะฝ่าย เสธ.คนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังยุทธการ “กระชับพื้นที่” สลายกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง นปช.

ไฟต์บังคับต้องเก็บ “หอกข้างแคร่” ที่ทิ่มตำหัวใจ เบื้องต้นเลยก็ต้องลากไปพบกันครึ่งทาง โดยเงื่อนไขต่อรองลดโทนเผชิญ หน้า ก็อย่างที่มีการโยนหินออกมาจากพรรคเพื่อไทย ปล่อยโพย พล.อ.ดาว์พงษ์ จะถูกโยกไปนั่งเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด กินอัตราจอมพล

กันให้พ้นวงโคจร “5 เสือ ทบ.” ไว้ก่อน

ที่ แน่ๆคงต้องหยั่งเชิงต่อรองกันอีกหลายยก ในสถานการณ์วัดใจ ฝ่ายหนึ่งถืออำนาจผ่านปลายกระบอกปืน ขณะที่อีกฝ่ายเพิ่งได้อำนาจการเมืองมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

เกมวนมาเข้าทางพวกจ้อง “ล้มกระดาน” รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”

แหย่ไฟสุมฟืน “ยั่ว” เกมปฏิวัติรัฐประหาร เผื่อฟลุก.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

No comments:

Post a Comment